How to Make Medical Education Better?





เป็นภาพที่ประทับใจอีกครั้งสำหรับ วัน INDUCTION DAY หรือวันปฐมนิเทศการอบรม ECME (Essential Course for Medical Educator) รุ่นที่ 5

ไม่น่าเชื่อว่า วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ปีนี้เป็นรุ่นที่ 5 ของหลักสูตร ECME เเล้ว อาจารย์ ECME มาต้อนรับนักเรียน ECME รุ่นที่ 5 อย่างคับคั่ง มีรุ่นพี่ ECME รุ่น 4 มารับน้องรุ่น 5 ตามธรรมเนียมเช่นเคย ปีนี้มีอาจารย์เเพทย์ได้รับคัดเลือกเข้าเรียนทั้งสิ้น 35 ท่าน ทั้งจากศูนย์เเพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกเเละจากคณะเเพทย์

พี่ๆน้องๆอาจารย์เเพทย์ที่เข้าเรียน ECME รุ่น 5 มีความอบอุ่นกันถ้วนหน้า เเละได้รับการชี้เเจงเรื่องเเนวทางปฏิบัติในการเรียนรู้ของ หลักสูตร ECME อย่างครบถ้วน ตั้งเเต่วัตถุประสงค์ tips and tricks ในการเขียน assignment เเละ ระบบ IT ที่เอาไว้ติดต่อสื่อสารเเละส่งงาน ที่สำคัญได้มารับเเรงบันดาลใจจากอาจารย์รุ่นก่อนๆ ได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการ “พัฒนาเเพทยศาสตรศึกษาให้ดีขึ้น”

ส่วนใหญ่เห็นร่วมกันว่า การ “พัฒนาเเพทยศาสตรให้ดีขึ้น” ก็คือการได้ พัฒนาบัณฑิตเเพทย์ให้ดีขึ้น นั่นเอง เพราะ วัตถุประสงค์สูงสุดของการพัฒนาเเพทยศาสตรศึกษาควรตกอยู่ที่ตัวนักเรียนหรือบัณฑิตเเพทย์ในอนาคต เนื่องจากเมื่อบัณฑิตเเพทย์มีคุณภาพดีขึ้น จะทำให้ประชาชนผู้มารับการตรวจรักษากับคุณหมอเหล่านี้ได้ประโยชน์ เเละมีความปลอดภัยมากขึ้น


การทำให้เเพทยศาสตรศึกษาหรือทำให้บัณฑิตเเพทย์ดีขึ้นนั้นมี 3 ประการ
1.ทำให้นักเรียนของได้เรียนองค์ความรู้ต่างๆได้ดีขึ้น
นักเรียนควรจะได้รับการจัดการเรียนการสอนในส่วน cognitive part ที่ดีขึ้น นักเรียนต้องไม่ถูกจัดหมุนวนอยู่กับการ lecture เเบบไม่มีที่สิ้นสุด นักเรียนควรจะได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ การเเลกเปลี่ยน การค้นคว้า เเละการได้เรียนรู้เเบบ enquiry-based เพื่อจะได้สามารถทำการ application เเละ problem solving ได้ ผู้ที่เรียนเเพทยศาตรศึกษาจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการวางโปรเเกรมการสอนต่างๆ ทีเรียกว่า instructional design เพื่อตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้

2.ทำให้นักเรียนมีทักษะในการทำหัตถการที่ดีขึ้น
ปัจจุบันจะพบว่า นักเรียนเเพทย์รุ่นใหม่ๆ มีโอกาสทำหัตถการต่างๆน้อยลง ทำให้เมื่อจบไปเป็นเเพทย์เเล้ว ทำหัตถการพื้นฐานต่างๆได้ไม่ดี หรือ ขาดความมั่นใจ ผู้ที่เรียนเเพทยศาสตรศึกษา จะมีความเข้าใจเเละช่วยสถาบันในการวางเเผนการจัดการสอนหัตถการต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปัจจุบันมีความพยายามจากภาคส่วนต่างๆที่จะเน้นความปลอดภัยของผู้ป่วย จึงทำให้ การฝึกทำหัตถการต่างๆจะต้องฝึกผ่าน หุ่นจำลอง หรือ สถานการณ์จำลอง ก่อนที่จะไปทำในตัวของผู้ป่วยจริง คาดหวังว่า บัณฑิตเเพทย์รุ่นใหม่ๆที่จบออกไปจะสามารถทำหัตถการต่างๆได้จริงตามที่เกณฑ์เเพทยสภากำหนด เเละ ตามศักดิ์เเละสิทธิของปริญญาบัตรที่ตนเองได้รับ


3.ทำให้นักเรียนได้มีทัศนคติที่ถูกต้องเหมาะสมในการเป็นเเพทย์ “ยุคปัจจุบัน”
เรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญของเเพทยศาสตรศึกษามาโดยตลอด ในอดีตอาจจะใช้ชื่อว่า medical ethics เเต่ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไป เป็นคำว่า professionalism เเต่ทั้งหมด ก็คือการพยายามใช้เวลา 6 ปี ของการเป็นนักศึกษาเเพทย์ transform นักเรียนมัธยม 6 คนหนึ่ง ให้กลายเป็นเเพทย์มืออาชีพ มีความเป็น change agent เป็นผู้นำการเปลี่ยนเเปลง มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถพัฒนาตนเองได้สมำ่เสมอ คิดถึงประโยชน์ของคนไข้ ขององค์กรมาก่อนประโยชน์ของตน เเละที่สำคัญมีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ตนเองได้รับ มีความซื่อสัตย์เชื่อถือได้ จะเห็นได้ ว่าคุณสมบัติมากมายหล่านี้ ไม่สามารถทำให้เกิดได้หากมีเเต่การพร่ำ lecture เพียงอย่างเดียวเป็นเวลา 6 ปี ผู้ที่เรียนเเพทยศาสตรศึกษาจึงสามารถช่วยสถาบันของตนในการวางเเผนจัดการเรียนรู้ในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี

การที่จะทำให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้นตาม 3 ข้อข้างต้นนี้ สามารถทำได้หลายทาง เปรียบเสมือน มีถนนหลายเส้นมุ่งสู่กรุงโรม ในเมื่อเเต่ละคนที่มาเรียนเเพทยศาสตรศึกษามีความสนใจเเง่มุมต่างๆของเเพทยศาสตรศึกษาเเตกต่างกัน อาจารย์เเพทย์เเต่ละคนจึงสามารถช่วยให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้นได้หลากหลายทาง เช่น
  • คนที่ชอบเรื่อง การพัฒนาหลักสูตร ก็อาจจะมุ่งมั่นไปที่การปรับเปลี่ยนหลักสูตร เขียนเเผนการสอน จัดเเบ่งหน่วยกิต กำหนด OLE (Objective, Learning, Evaluation) เพื่อให้ทุกคนนำไปปฏิบัติ
  • บางท่านชอบงานละเอียด ชอบการตรวจสอบสำรวจ ก็สามารถช่วยทำให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้นได้ จาก การศึกษาเรื่อง ประกันคุณภาพการศึกษาให้ช่ำชอง จนสามารถเป็นผู้เยี่ยมสำรวจ ให้คำปรึกษาเเนะนำ เรื่องประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งก็จะทำให้บัณฑิตที่ผลิตออกมานั้น มีคุณภาพ ตาม 3 ข้อที่กล่าวถึงข้างต้นได้
  • บางท่านชอบงานสนุกๆ ชอบสร้างสรรค์สื่อการสอน ก็สามารถช่วยให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้นได้ โดย พัฒนาสื่อการสอนต่างๆไม่ว่าจะเป้น VDO clip หัตถการต่างๆ ทำหนังสั้นเพื่อใช้เป็นสื่อการสอนเรื่อง professionalism หรือ บางท่านมีหัวทาง IT เยอะหน่อยก็สามารถพัฒนาโปรเเกรมคอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนรู้ต่างๆได้
  • บางท่านเน้นว่า การเป็นหมอนั้น ทุกคนต้องสามารถทำหัตถการได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ก็สามารถมาช่วยกันทำให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้น โดยพาน้องเข้าห้อง SIM เพื่อที่จะได้ กำกับดูเเล คอยให้ feedback น้องๆ ขณะที่ฝึกปฏิบัติหัตถการความเสี่ยงสูงเเละความเสี่ยงต่ำต่างๆกับหุ่นจำลอง ก่อนไปเจอคนไข้จริง
  • ส่วนท่านที่ออกเเนวจิตปัญญา เน้นความรู้สึก จิตใจ ก็สามารถช่วยพัฒนาเเพทยศาสตรศึกษาให้ดีขึ้น โดยนำพานักศึกษาเข้าสู่กิจกรรมการรู้จักตน รู้จักคน transform นักศึกษาเเพทย์ให้เป็นคนที่มีความรัก ความเมตตา ต่อตนเองเเละผู้อื่น เเละเป็นเเพทย์ที่มีความสุขในอนาคต
  • กลุ่มที่ชอบการประเมิน ก็สามารถช่วยเเพทยศาสตรศึกษาให้ดีขึ้นโดยการ พัฒนาระบบประเมินผล ช่วยกันพัฒนาข้อสอบต่างๆให้ดีขึ้น มี validity reliability ที่ดี จัดทำคลังข้อสอบ ให้ทุกคนได้มีความมั่นใจว่าบัณฑิตที่จบออกมาเเต่ละรุ่น ได้ผ่านการประเมินตรวจสอบเเล้วว่ามีคุณภาพจริง
  • กลุ่มที่เน้นเรื่องตัวเลขมากๆ ชอบความเป็น evidence-based ในทุกๆอย่าง ก็สามารถมาช่วยทำให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้น โดยการทำงานวิจัยด้านเเพทยศาสตรศึกษา ทำให้องค์ความรู้ต่างๆในเเพทยศาสตรศึกษาไม่เป็นเพียงเเค่ opinion หรือ “ผู้ใหญ่เค้าสอนกันมาว่า” เท่านั้น เเต่ทำให้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ มีความน่าเชื่อถือ ทำให้สถาบันต่างๆสามารถนำเอาไปปฏิบัติได้

สรุป การที่อาจารย์เเพทย์เเต่ละท่านเสียสละเวลาที่มีค่ามาเข้า คอร์ส ECME เป็นเวลา 1 ปีจากนี้ คือการมาช่วยกันพัฒนาเเพทยศาสตรศึกษาให้ดีขึ้น โดยมีเป้าประสงค์ 3 ประการคือ การทำให้นักเรียนเเพทย์ของเราได้เรียน ทั้ง cognitive psychomotor เเละ affective domain ได้ดีขึ้น มีประสิทธิผล เเละมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอาจารย์เเต่ละท่านสามารถช่วยกันทำให้เเพทยศาสตรศึกษาดีขึ้น ได้หลากหลายทาง ตามที่ตนเองชอบ เเละถนัด เนื่องจากไม่ว่าจะช่วยกันมากจากทางไหน เเพทยศาสตรศึกษาของประเทศไทยในภาพรวมก็จะดีขึ้น ทำให้เราได้บัณฑิตเเพทย์รุ่นใหม่ที่ดีขึ้น ประชาชนจะได้ผลประโยชน์สูงสุดจากหมอรุ่นใหม่ๆเหล่านี้อย่างเเน่นอน

CR:
http://www.eitacp.com/wp-content/uploads/2012/01/happy-graduates.jpg
http://institute-of-progressive-education-and-learning.org/wp-content/uploads/2014/02/Blooms-Taxonomy-5.png
http://www.harapnuik.org/wp-content/uploads/2015/01/domains-of-learning.jpg
https://www.scripps.org/sparkle-assets/images/md-vs-do_web.jpg



ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม