4 คุณสมบัติของ Change Agent ที่ใครๆก็ถามถึง
เริ่มเเบบนี้เนื่องจากเป็นที่ทราบดีกันว่า outcome สำคัญอย่างหนึ่งของการผลิตแพทย์ในศตวรรษที่ 21 คือการทำให้น้องหมอของเราเป็น change agent ของระบบสุขภาพ
เเต่ก่อนเรายึดหลักผลิตเเพทย์ตามเเนว five stars doctor ของ WHO ก็มีคำว่า manager/ leadership ซึ่งอ่านเเละเข้าใจง่าย เเต่พอมาเป็น change agent ทำให้อาจารย์เเพทย์ส่วนใหญ่งง ว่าคืออะไรกันเเน่
ที่ผ่านมาพยายามค้นอ่านจากหลายเเหล่ง รวมทั้งของ WHO guidelines เเละ Lancet Commission Report เเต่ก็ไม่ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า คุณสมบัติของ change agent ที่ต้องการคืออะไร จึงเป็นเรื่องที่น่าจะนำมาเเลกเปลี่ยนกันณ.ที่นี้
ตามเเนวคิดของการปฏิรูปการศึกษาของเเพทย์ในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้กำหนดว่าเเพทย์จะต้องเป็น หัวหน้าทีม (leader) ของทีมสุขภาพเสมอไป เเน่นอนเเพทย์ยังมีความสำคัญมากในทีม เเต่พยายามสื่อด้วยคำว่า change agent ซึ่งหากเเปลตรงตัวจะเเปลว่า "ตัวเเทนการเปลี่ยนแปลง"
Change agent อยู่ใน position ได้หลากหลายกว่า leader เนื่องจาก change agent ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เป็น top leader
Change agent เป็นรองหัวหน้าทีมได้ เป็นคณะกรรมการส่วนหนึ่งในทีมได้ เเละ change agent สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลง (change management) เเบบมี authority เเละไม่มี authority ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องลงรายละเอียดว่าจะสอนน้องหมออย่างไรให้เป็น change agent without authority
ไม่ว่าจะอย่างไร change agent ควรมีคุณสมบัติ 4 ข้อดังนี้
1. Cultural sensitive (inclusiveness and awareness of others)
เป็นผู้รับรู้เท่าทันสิ่งเเวดล้อม เข้าใจคน เข้าใจวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมสังคมเเละวัฒนธรรมองค์กร ต้องเป็นคนที่มีเเนวคิด inclusive คือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ไม่ละทิ้งผู้ขาดโอกาส เเละไปไหนไปกันเป็นหมู่เป็นพวก ไม่ใช่ดีเด่นดังคนเดียว
2. Entrepreneurship (innovative and resilience)
มีเเนวคิดทันสมัย สรรสร้างนวัตกรรม ไม่เก่งเเต่ทะเลาะในเข่ง เเต่สามารถหาทางเลือกที่ 3 เพื่อลดความขัดแย้งเเละทำให้งานเดินหน้าได้ ที่สำคัญคือต้องมีจุดยืน ต้องอึด ต้องทน สามารถรอผลที่ดีกว่าในระยะยาวได้
3. Social responsible (stake holders focus and commitment to results)
รับผิดชอบสังคม มี public mind คิดถึงผลลัพธ์ในภาพรวมมากกว่า ผลดีส่วนบุคคล คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เเละมุ่งมั่นปรับเปลี่ยนกระบวนการต่างๆเพื่อให้ได้ผลตามที่ตั้งเป้าไว้ตั้งเเต่เเรก
4. Active learner (self awareness, flexible thinking and developing others)
พัฒนาตนอยู่เสมอ รู้เท่าทันจุดเเข็งจุดอ่อนของตัวเอง ยืดหยุ่นในวิธีการคิด เเละที่สำคัญต้องพัฒนาผู้อื่นด้วย ทั้งในเรื่องของความรู้เเละเเนวคิด
อ่านดูเเล้ว หลายท่านอาจจะบอกว่าสามารถทำให้เป็นไปได้ เเต่ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ที่เป็นอาจารย์ที่จะสอนลูกศิษย์ให้มีคุณสมบัติเป็น change agent ได้ขนาดนี้ ตัวอาจารย์เองก็จำเป็นต้องชัดเจนเเละเป็น role model ให้เห็นได้ด้วยเช่นกัน
CR: 1.http://bls.buu.ac.th/~se888414/02Jan1213/Lunenburg,%20Fred%20C.%20Managing%20Change%20The%20Role%20of%20Change%20Agent%20IJMBA,%20V13%20N1%202010.pdf
2. http://georgecouros.ca/blog/archives/3615
3. https://www.linkedin.com/pulse/why-teachers-best-change-agents-can-buy-susan-meyers
เเต่ก่อนเรายึดหลักผลิตเเพทย์ตามเเนว five stars doctor ของ WHO ก็มีคำว่า manager/ leadership ซึ่งอ่านเเละเข้าใจง่าย เเต่พอมาเป็น change agent ทำให้อาจารย์เเพทย์ส่วนใหญ่งง ว่าคืออะไรกันเเน่
ที่ผ่านมาพยายามค้นอ่านจากหลายเเหล่ง รวมทั้งของ WHO guidelines เเละ Lancet Commission Report เเต่ก็ไม่ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า คุณสมบัติของ change agent ที่ต้องการคืออะไร จึงเป็นเรื่องที่น่าจะนำมาเเลกเปลี่ยนกันณ.ที่นี้
ตามเเนวคิดของการปฏิรูปการศึกษาของเเพทย์ในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้กำหนดว่าเเพทย์จะต้องเป็น หัวหน้าทีม (leader) ของทีมสุขภาพเสมอไป เเน่นอนเเพทย์ยังมีความสำคัญมากในทีม เเต่พยายามสื่อด้วยคำว่า change agent ซึ่งหากเเปลตรงตัวจะเเปลว่า "ตัวเเทนการเปลี่ยนแปลง"
Change agent อยู่ใน position ได้หลากหลายกว่า leader เนื่องจาก change agent ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เป็น top leader
Change agent เป็นรองหัวหน้าทีมได้ เป็นคณะกรรมการส่วนหนึ่งในทีมได้ เเละ change agent สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลง (change management) เเบบมี authority เเละไม่มี authority ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องลงรายละเอียดว่าจะสอนน้องหมออย่างไรให้เป็น change agent without authority
ไม่ว่าจะอย่างไร change agent ควรมีคุณสมบัติ 4 ข้อดังนี้
1. Cultural sensitive (inclusiveness and awareness of others)
เป็นผู้รับรู้เท่าทันสิ่งเเวดล้อม เข้าใจคน เข้าใจวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมสังคมเเละวัฒนธรรมองค์กร ต้องเป็นคนที่มีเเนวคิด inclusive คือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ไม่ละทิ้งผู้ขาดโอกาส เเละไปไหนไปกันเป็นหมู่เป็นพวก ไม่ใช่ดีเด่นดังคนเดียว
2. Entrepreneurship (innovative and resilience)
มีเเนวคิดทันสมัย สรรสร้างนวัตกรรม ไม่เก่งเเต่ทะเลาะในเข่ง เเต่สามารถหาทางเลือกที่ 3 เพื่อลดความขัดแย้งเเละทำให้งานเดินหน้าได้ ที่สำคัญคือต้องมีจุดยืน ต้องอึด ต้องทน สามารถรอผลที่ดีกว่าในระยะยาวได้
3. Social responsible (stake holders focus and commitment to results)
รับผิดชอบสังคม มี public mind คิดถึงผลลัพธ์ในภาพรวมมากกว่า ผลดีส่วนบุคคล คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เเละมุ่งมั่นปรับเปลี่ยนกระบวนการต่างๆเพื่อให้ได้ผลตามที่ตั้งเป้าไว้ตั้งเเต่เเรก
4. Active learner (self awareness, flexible thinking and developing others)
พัฒนาตนอยู่เสมอ รู้เท่าทันจุดเเข็งจุดอ่อนของตัวเอง ยืดหยุ่นในวิธีการคิด เเละที่สำคัญต้องพัฒนาผู้อื่นด้วย ทั้งในเรื่องของความรู้เเละเเนวคิด
อ่านดูเเล้ว หลายท่านอาจจะบอกว่าสามารถทำให้เป็นไปได้ เเต่ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ที่เป็นอาจารย์ที่จะสอนลูกศิษย์ให้มีคุณสมบัติเป็น change agent ได้ขนาดนี้ ตัวอาจารย์เองก็จำเป็นต้องชัดเจนเเละเป็น role model ให้เห็นได้ด้วยเช่นกัน
CR: 1.http://bls.buu.ac.th/~se888414/02Jan1213/Lunenburg,%20Fred%20C.%20Managing%20Change%20The%20Role%20of%20Change%20Agent%20IJMBA,%20V13%20N1%202010.pdf
2. http://georgecouros.ca/blog/archives/3615
3. https://www.linkedin.com/pulse/why-teachers-best-change-agents-can-buy-susan-meyers
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น