ระบบการศึกษาของฟินแลนด์
จะมีบ้างไหมในอนาคตของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Thailand 4.0, 5.0 หรือ 6.0 เราจะมีระบบการศึกษาที่ ฟิน ฟินเเบบฟินแลนด์
หลังจากได้ยินได้ฟังจากผู้รู้มากมายเรื่องระบบการศึกษาของฟินเเลนด์ ก็เลยได้ลองหาเวลาศึกษาค้นคว้าดูจากหลายๆแหล่ง พบว่าสิ่งที่คนกล่าวถึงกันนั้น เป็นจริง
ต้องเริ่มจากกว่า 2 ทศวรรษที่แล้ว การศึกษาของฟินแลนด์อยู่ในระดับเดียวกับของสหรัฐอเมริกา นั่นคืออยู่ประมาณอันดับที่ 29 ของโลก อันที่จริง ประเทศฟินแลนด์เมื่อประมาณ 60-70 ปีก่อน เป็นประเทศด้อยพัฒนาประเทศหนึ่งในยุโรป เค้าพยายามพัฒนาประเทศในทุกๆด้าน จนกระทั่งสามารถเข้ามาอยู่ในมาตรฐานระดับเดียวกับยุโรปได้ รัฐบาลของฟินเเลนด์สมัยนั้นก็คิดต่อว่า ประเทศฟินแลนด์นี้มีทรัพยากรอันน้อยนิด จะต่อยอดอย่างไร ให้มีการพัฒนาที่แข็งแกร่งในอนาคต รัฐบาลจึงตัดสินใจว่า จะมุ่งพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์อย่างจริงจัง เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงในระยะยาวของประเทศ ปรากฏว่าหลังจากนั้น เขาก็ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอนของประเทศอย่างมาก จนได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าประทับใจเช่นปัจจุบัน
สิ่งสำคัญที่ฟินเเลนด์ตัดสินใจปฏิรูปมี 4 อย่างดังนี้
1. ยกเลิกการบ้าน
สิ่งนี้อาจจะเป็นเรื่องน่าขัน หรือเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เเต่ที่ฟินเเลนด์เค้าทำสำเร็จเเล้ว เนื่องจากเค้าเชื่อว่า Less is More นั่นคือ นักเรียนชั้นประถมเมื่อไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน ก็จะไม่มีการบ้านกลับมาทำที่บ้าน นักเรียนที่โตขึ้นมาหน่อย อาจจะมีการให้เตรียมตัวก่อนเข้าเรียนบ้าง เเต่ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง
เขาเชื่อว่า การเรียนในห้องเรียนหากจัดให้ดีแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องให้นักเรียนมีการบ้านเพิ่มเติมใดๆอีก เพราะสิ่งที่เขาต้องการให้นักเรียนได้รับ ไม่ใช่เพียงแค่ information หรือการท่องจำอย่างมากมาย แต่เป็นการรู้จักคิด เเละการเเลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นกลุ่ม โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา ซึ่งควรจะมาทำกิจกรรมเหล่านี้ที่โรงเรียน ไม่ใช่เรียนเเบบ solo อยู่ที่บ้านคนเดียว
2. เรียนวันละไม่เกิน 5 ชั่วโมง
สืบเนื่องมาจาก Less is More ข้างต้น ชั่วโมงเรียนในโรงเรียนของฟินแลนด์จะไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน รวมเวลาพักระหว่างคาบเเละเวลาพักทานอาหารเเล้ว ชั่วโมงเเรกในตอนเช้าจะต้องไม่เริ่มก่อน 9 โมง เพราะเขารู้ว่า มีการศึกษามากมายที่บอกว่า นักเรียนจะไม่พร้อมเรียนหากสมองไม่ตื่นตัวเต็มที่ นั่นคือหลัง 9 โมงเช้าเป็นต้นไป การเรียนแต่ละคาบ จะมีเวลาพักหลังคาบประมาณ 10-15 นาทีเสมอ เพื่อให้นักเรียนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ให้รู้สึก relax ในการเรียน นักเรียนที่ฟินเเลนด์จะไม่รู้สึกถูกคุกคาม ที่จะต้องตื่นแต่เช้า อยู่ในภาวะรีบเร่ง และไปโดนกดดันที่โรงเรียนอีก
ด้วยการจัดบรรยากาศการเรียนรู้เช่นนี้ ทำให้เวลาเรียนที่น้อยกว่าของโรงเรียนในฟินแลนด์ กลับส่งผลที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ที่ต้องเรียนกันหามรุ่งหามค่ำ เรียนในโรงเรียนมาแล้ว 7-8 ชั่วโมง ก็ยังจะต้องเรียนพิเศษต่ออีก ซึ่งสุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีกว่าเลย
3. ห้ามมีการเก็บเงินใดๆทั้งสิ้นในระบบการศึกษาของประเทศ
นั่นหมายถึงว่า ในฟินแลนด์จะไม่มีโรงเรียนเอกชน ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนของรัฐ ทำให้ไม่มีโรงเรียนบางโรงเรียน ที่เรียกเก็บเงินพิเศษยางอย่าง เเล้วจัดชั่วโมงเรียนเเบบเเปลกๆให้มากกว่าอีกโรงเรียนหนึ่ง เพราะเขารู้ว่า เมื่อมีโรงเรียนบางโรงเรียน เริ่มดำเนินการเเบบนี้แล้ว ก็มักจะมีโรงเรียนอื่นๆทำตามกันเป็นเเถว สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นการเเข่งขันกันทำ marketing ทางการศึกษา เเบบไม่ลืมหูลืมตา ส่งผลเสียให้กับระบบโดยรวม
ข้อดีของการที่มีแต่โรงเรียนรัฐบาลนั้น ทำให้ลูกๆของพ่อแม่ที่มีอันจะกิน และพ่อแม่ที่มีการศึกษาสูง จะคาดหวังจากโรงเรียนรัฐบาลค่อนข้างมาก เขาจะรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนกับเรื่องการศึกษาอย่างดี และสม่ำเสมอ คนที่จะเป็นครูในฟินแลนด์ได้นั้น จะต้องจบปริญญาโท และเป็นปริญญาโทสาขาที่เกี่ยวกับการสอนของตัวเองด้วย สถานะทางสังคมของคนที่เป็นครูในฟินแลนด์ พบว่าสูงมาก สูงเท่ากับอาชีพแพทย์ ทนายความ วิศวกร เลยทีเดียว
จำนวนครูในฟินแลนด์ มีมากและเพียงพอ เขาไม่ปล่อยให้ครูตกงานแต่ต้องนำมาพัฒนา เพื่อให้สามารถสอนได้ดี และมีเทคนิคการสอนที่ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ เมื่อครูไม่ขาดแคลน จำนวนนักเรียนต่อครูต่อห้องจึงไม่มากเกินไป ทำให้ครูสามารถสนใจและช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนอ่อนได้อย่างเต็มที่
4. ไม่มี standardized test
น่าจะเป็นข้อที่สำคัญมาก และเป็นข้อที่มีคนจำนวนมากบอกว่า ระบบการศึกษาของฟินแลนด์อาจจะไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศต่างๆในโลกได้ เหตุเพราะการที่มีปรัชญาการศึกษาไม่เหมือนกัน
ปรัชญาการศึกษาของฟินเเลนด์คือ การศึกษาไม่ได้มีไว้เพื่อการแข่งขัน การศึกษามีไว้เพื่อการพัฒนาคน และเขาหมายถึง "คนทุกๆคน" เพราะคนทุกๆคนของเขา เป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศฟินแลนด์ ไม่ว่าคนนั้นจะเกิดและโตในฟินแลนด์ หรือเป็นผู้อพยพที่มาเป็นประชากรใหม่ก็ตาม
ดังนั้นในประเทศฟินแลนด์ จึงไม่มี standardized test เพราะไม่ต้องการเปรียบเทียบเเละเเข่งขันใดๆเลย ซึ่งทำให้ลามไปถึงการไม่มีข้อสอบแบบ MCQ ด้วย เขาเชื่อว่า นักเรียนควรจะได้เรียนรู้ตามความสนใจของตนเอง โดยมีครูคอยเป็นที่ปรึกษา แนะนำ และให้ความช่วยเหลือ ครูในฟินเเลนดจะมีความเชียวชาญในการจัดระบบการสอน การพัฒนาสื่อการสอน และทักษะการให้คำเเนะนำอย่างมาก
เมื่อไม่มีการสอบแบบ standardized test จึงทำให้โรงเรียนแต่ละโรงเรียน ไม่ต้องแข่งขันกัน ไม่ต้องคอยเอาผลการสอบติดสถาบันดังๆของนักเรียนโรงเรียนตัวเอง หรือผลคะแนนสอบ standardized test ที่สูงส่งของโรงเรียนตัวเองมาโฆษณา ทำให้พ่อแม่ต้องกระเสือกกระสนพาลูกของตัวเองมาเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ ที่ฟินแลนด์อาจจะมีข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาแบบมาตรฐานที่โรงเรียนทั่วประเทศต้องสอบกันบ้าง แต่นั่นก็คือการสอบก่อนจบไฮสคูลครั้งเดียวเท่านั้น
จากการปฏิรูปการศึกษาทั้ง 4 ข้อข้างต้น ทำให้ปัจจุบัน ฟินแลนด์มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดเเห่งหนึ่งของโลก ติดอันดับ top 5 การวัดคะแนนความสามารถของ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) PISA (Programme for International Student Assessment) test ซึ่งประเทศไทยของเราอยู่ที่อันดับ 54 ของโลกของการวัดในปี 2015 ที่ผ่านมา โดยนักเรียนของฟินแลนด์อยู่ใน top 5 มาโดยตลอดในระยะเวลาหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
เมื่อมีผู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฟินเเลนด์ ว่าภูมิใจกับการจัดอันดับที่สูงดังกล่าวหรือไม่ เขาตอบอย่างน่าชื่นใจว่า เขาเฉยๆ เพราะในประเทศเขาไม่เชื่อเรื่องการศึกษาที่เป็นการแข่งขัน ดังนั้นคะแนน PISA test จึงไม่มีผลอะไร ฟินแลนด์ภูมิใจมากกว่าที่สามารถจัดการศึกษา ที่มุ่งให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และช่วยประคับประคองให้ผู้เรียนที่เรียนอ่อน หรือมีปัญหาการเรียนรู้ ไม่ว่าจากปัญหาทางบ้าน ปัญหาร่างกาย หรือปัญหาจิตใจสามารถเรียนรู้เเละพัฒนาได้ เนื่องจากเขาเชื่อว่า คนทุกคนต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าของสังคม ให้สามารถประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยในระยะยาวจะได้ไม่สร้างปัญหาให้กับสังคม ไม่เป็นภาระของคนทั้งประเทศ เพราะในที่สุดเเล้ว รัฐก็ต้องมาคอยจ่ายทรัพยากรต่างๆ เพื่อดูแลคนที่เราได้ละเลยตั้งแต่เด็กเหล่านี้อยู่ดี
ประเด็นที่ได้เรียนรู้จากระบบการศึกษาของฟินแลนด์นี้ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ การที่ประเทศนี้ติด top 5 PISA test เพราะ มีประเทศอื่นๆที่สามารถทำได้เช่นกัน เเละ เป็นประเทศในเอเชียของเราด้วย เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไต้หวัน แต่ประเด็นอยู่ที่ การได้ top 5 ของประเทศเหล่านี้ มาจากความเครียดจากการเรียนที่มากกว่ากันมาก ไม่เหมือนการเรียนเเบบ ฟิน ฟิน ของฟินเเลนด์
อีกประเด็นหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ การปฏิรูปการศึกษาสามารถทำให้สำเร็จได้ ฟินเเลนด์เป็นตัวอย่างของประเทศที่ถีบตัวเองขึ้นมาจากประเทศด้อยพัฒนาของยุโรป มาเป็นประเทศพัฒนา เเละยังสามารถปฏิรูปการศึกษาของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม เเซงหน้าประเทศต่างๆที่มีความยิ่งใหญ่มากกว่า สิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นให้เราได้เรียนรู้คือ เขาใช้พลังทางการเมือง การบริหาร และทรัพยากรอย่างไรจึงทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นได้
CR:
1. https://www.oecd.org/pisa/pisa-2015-results-in-focus.pdf
2. https://en.wikipedia.org/wiki/Education_in_Finland
3. http://www.smithsonianmag.com/innovation/why-are-finlands-schools-successful-49859555/
4. https://www.youtube.com/watch?v=ntdYxqRce_s
5. https://www.youtube.com/watch?v=E_W2oS6HvTo
6. http://examswatch.com/wp-content/uploads/2016/11/finland-education-system.jpg
7. https://www.theflagshop.co.uk/media/catalog/product/cache/1/thumbnail/465x/17f82f742ffe127f42dca9de82fb58b1/f/i/finland-flag-std.jpg
8. http://i2.cdn.turner.com/cnn/dam/assets/140922162533-01-sahlberg-finland-education-story-top.jpg
9. http://img.yle.fi/uutiset/osasto/news/article7454228.ece/ALTERNATES/w960/4_9%20ONLINE%20NEWS%20KOULUTUSJARJESTELMAT.png
10. https://a6m4rf6fdx-flywheel.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/2016/02/Finland2.jpg
11. http://blogs.worldbank.org/education/files/education/finland-blog-pisa-4.jpg
หลังจากได้ยินได้ฟังจากผู้รู้มากมายเรื่องระบบการศึกษาของฟินเเลนด์ ก็เลยได้ลองหาเวลาศึกษาค้นคว้าดูจากหลายๆแหล่ง พบว่าสิ่งที่คนกล่าวถึงกันนั้น เป็นจริง
ต้องเริ่มจากกว่า 2 ทศวรรษที่แล้ว การศึกษาของฟินแลนด์อยู่ในระดับเดียวกับของสหรัฐอเมริกา นั่นคืออยู่ประมาณอันดับที่ 29 ของโลก อันที่จริง ประเทศฟินแลนด์เมื่อประมาณ 60-70 ปีก่อน เป็นประเทศด้อยพัฒนาประเทศหนึ่งในยุโรป เค้าพยายามพัฒนาประเทศในทุกๆด้าน จนกระทั่งสามารถเข้ามาอยู่ในมาตรฐานระดับเดียวกับยุโรปได้ รัฐบาลของฟินเเลนด์สมัยนั้นก็คิดต่อว่า ประเทศฟินแลนด์นี้มีทรัพยากรอันน้อยนิด จะต่อยอดอย่างไร ให้มีการพัฒนาที่แข็งแกร่งในอนาคต รัฐบาลจึงตัดสินใจว่า จะมุ่งพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์อย่างจริงจัง เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงในระยะยาวของประเทศ ปรากฏว่าหลังจากนั้น เขาก็ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอนของประเทศอย่างมาก จนได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าประทับใจเช่นปัจจุบัน
สิ่งสำคัญที่ฟินเเลนด์ตัดสินใจปฏิรูปมี 4 อย่างดังนี้
1. ยกเลิกการบ้าน
สิ่งนี้อาจจะเป็นเรื่องน่าขัน หรือเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เเต่ที่ฟินเเลนด์เค้าทำสำเร็จเเล้ว เนื่องจากเค้าเชื่อว่า Less is More นั่นคือ นักเรียนชั้นประถมเมื่อไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน ก็จะไม่มีการบ้านกลับมาทำที่บ้าน นักเรียนที่โตขึ้นมาหน่อย อาจจะมีการให้เตรียมตัวก่อนเข้าเรียนบ้าง เเต่ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง
เขาเชื่อว่า การเรียนในห้องเรียนหากจัดให้ดีแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องให้นักเรียนมีการบ้านเพิ่มเติมใดๆอีก เพราะสิ่งที่เขาต้องการให้นักเรียนได้รับ ไม่ใช่เพียงแค่ information หรือการท่องจำอย่างมากมาย แต่เป็นการรู้จักคิด เเละการเเลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นกลุ่ม โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา ซึ่งควรจะมาทำกิจกรรมเหล่านี้ที่โรงเรียน ไม่ใช่เรียนเเบบ solo อยู่ที่บ้านคนเดียว
2. เรียนวันละไม่เกิน 5 ชั่วโมง
สืบเนื่องมาจาก Less is More ข้างต้น ชั่วโมงเรียนในโรงเรียนของฟินแลนด์จะไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน รวมเวลาพักระหว่างคาบเเละเวลาพักทานอาหารเเล้ว ชั่วโมงเเรกในตอนเช้าจะต้องไม่เริ่มก่อน 9 โมง เพราะเขารู้ว่า มีการศึกษามากมายที่บอกว่า นักเรียนจะไม่พร้อมเรียนหากสมองไม่ตื่นตัวเต็มที่ นั่นคือหลัง 9 โมงเช้าเป็นต้นไป การเรียนแต่ละคาบ จะมีเวลาพักหลังคาบประมาณ 10-15 นาทีเสมอ เพื่อให้นักเรียนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ให้รู้สึก relax ในการเรียน นักเรียนที่ฟินเเลนด์จะไม่รู้สึกถูกคุกคาม ที่จะต้องตื่นแต่เช้า อยู่ในภาวะรีบเร่ง และไปโดนกดดันที่โรงเรียนอีก
ด้วยการจัดบรรยากาศการเรียนรู้เช่นนี้ ทำให้เวลาเรียนที่น้อยกว่าของโรงเรียนในฟินแลนด์ กลับส่งผลที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ที่ต้องเรียนกันหามรุ่งหามค่ำ เรียนในโรงเรียนมาแล้ว 7-8 ชั่วโมง ก็ยังจะต้องเรียนพิเศษต่ออีก ซึ่งสุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีกว่าเลย
3. ห้ามมีการเก็บเงินใดๆทั้งสิ้นในระบบการศึกษาของประเทศ
นั่นหมายถึงว่า ในฟินแลนด์จะไม่มีโรงเรียนเอกชน ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนของรัฐ ทำให้ไม่มีโรงเรียนบางโรงเรียน ที่เรียกเก็บเงินพิเศษยางอย่าง เเล้วจัดชั่วโมงเรียนเเบบเเปลกๆให้มากกว่าอีกโรงเรียนหนึ่ง เพราะเขารู้ว่า เมื่อมีโรงเรียนบางโรงเรียน เริ่มดำเนินการเเบบนี้แล้ว ก็มักจะมีโรงเรียนอื่นๆทำตามกันเป็นเเถว สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นการเเข่งขันกันทำ marketing ทางการศึกษา เเบบไม่ลืมหูลืมตา ส่งผลเสียให้กับระบบโดยรวม
ข้อดีของการที่มีแต่โรงเรียนรัฐบาลนั้น ทำให้ลูกๆของพ่อแม่ที่มีอันจะกิน และพ่อแม่ที่มีการศึกษาสูง จะคาดหวังจากโรงเรียนรัฐบาลค่อนข้างมาก เขาจะรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนกับเรื่องการศึกษาอย่างดี และสม่ำเสมอ คนที่จะเป็นครูในฟินแลนด์ได้นั้น จะต้องจบปริญญาโท และเป็นปริญญาโทสาขาที่เกี่ยวกับการสอนของตัวเองด้วย สถานะทางสังคมของคนที่เป็นครูในฟินแลนด์ พบว่าสูงมาก สูงเท่ากับอาชีพแพทย์ ทนายความ วิศวกร เลยทีเดียว
จำนวนครูในฟินแลนด์ มีมากและเพียงพอ เขาไม่ปล่อยให้ครูตกงานแต่ต้องนำมาพัฒนา เพื่อให้สามารถสอนได้ดี และมีเทคนิคการสอนที่ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ เมื่อครูไม่ขาดแคลน จำนวนนักเรียนต่อครูต่อห้องจึงไม่มากเกินไป ทำให้ครูสามารถสนใจและช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนอ่อนได้อย่างเต็มที่
4. ไม่มี standardized test
น่าจะเป็นข้อที่สำคัญมาก และเป็นข้อที่มีคนจำนวนมากบอกว่า ระบบการศึกษาของฟินแลนด์อาจจะไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศต่างๆในโลกได้ เหตุเพราะการที่มีปรัชญาการศึกษาไม่เหมือนกัน
ปรัชญาการศึกษาของฟินเเลนด์คือ การศึกษาไม่ได้มีไว้เพื่อการแข่งขัน การศึกษามีไว้เพื่อการพัฒนาคน และเขาหมายถึง "คนทุกๆคน" เพราะคนทุกๆคนของเขา เป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศฟินแลนด์ ไม่ว่าคนนั้นจะเกิดและโตในฟินแลนด์ หรือเป็นผู้อพยพที่มาเป็นประชากรใหม่ก็ตาม
ดังนั้นในประเทศฟินแลนด์ จึงไม่มี standardized test เพราะไม่ต้องการเปรียบเทียบเเละเเข่งขันใดๆเลย ซึ่งทำให้ลามไปถึงการไม่มีข้อสอบแบบ MCQ ด้วย เขาเชื่อว่า นักเรียนควรจะได้เรียนรู้ตามความสนใจของตนเอง โดยมีครูคอยเป็นที่ปรึกษา แนะนำ และให้ความช่วยเหลือ ครูในฟินเเลนดจะมีความเชียวชาญในการจัดระบบการสอน การพัฒนาสื่อการสอน และทักษะการให้คำเเนะนำอย่างมาก
เมื่อไม่มีการสอบแบบ standardized test จึงทำให้โรงเรียนแต่ละโรงเรียน ไม่ต้องแข่งขันกัน ไม่ต้องคอยเอาผลการสอบติดสถาบันดังๆของนักเรียนโรงเรียนตัวเอง หรือผลคะแนนสอบ standardized test ที่สูงส่งของโรงเรียนตัวเองมาโฆษณา ทำให้พ่อแม่ต้องกระเสือกกระสนพาลูกของตัวเองมาเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ ที่ฟินแลนด์อาจจะมีข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาแบบมาตรฐานที่โรงเรียนทั่วประเทศต้องสอบกันบ้าง แต่นั่นก็คือการสอบก่อนจบไฮสคูลครั้งเดียวเท่านั้น
จากการปฏิรูปการศึกษาทั้ง 4 ข้อข้างต้น ทำให้ปัจจุบัน ฟินแลนด์มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดเเห่งหนึ่งของโลก ติดอันดับ top 5 การวัดคะแนนความสามารถของ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) PISA (Programme for International Student Assessment) test ซึ่งประเทศไทยของเราอยู่ที่อันดับ 54 ของโลกของการวัดในปี 2015 ที่ผ่านมา โดยนักเรียนของฟินแลนด์อยู่ใน top 5 มาโดยตลอดในระยะเวลาหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
เมื่อมีผู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฟินเเลนด์ ว่าภูมิใจกับการจัดอันดับที่สูงดังกล่าวหรือไม่ เขาตอบอย่างน่าชื่นใจว่า เขาเฉยๆ เพราะในประเทศเขาไม่เชื่อเรื่องการศึกษาที่เป็นการแข่งขัน ดังนั้นคะแนน PISA test จึงไม่มีผลอะไร ฟินแลนด์ภูมิใจมากกว่าที่สามารถจัดการศึกษา ที่มุ่งให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และช่วยประคับประคองให้ผู้เรียนที่เรียนอ่อน หรือมีปัญหาการเรียนรู้ ไม่ว่าจากปัญหาทางบ้าน ปัญหาร่างกาย หรือปัญหาจิตใจสามารถเรียนรู้เเละพัฒนาได้ เนื่องจากเขาเชื่อว่า คนทุกคนต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าของสังคม ให้สามารถประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยในระยะยาวจะได้ไม่สร้างปัญหาให้กับสังคม ไม่เป็นภาระของคนทั้งประเทศ เพราะในที่สุดเเล้ว รัฐก็ต้องมาคอยจ่ายทรัพยากรต่างๆ เพื่อดูแลคนที่เราได้ละเลยตั้งแต่เด็กเหล่านี้อยู่ดี
ประเด็นที่ได้เรียนรู้จากระบบการศึกษาของฟินแลนด์นี้ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ การที่ประเทศนี้ติด top 5 PISA test เพราะ มีประเทศอื่นๆที่สามารถทำได้เช่นกัน เเละ เป็นประเทศในเอเชียของเราด้วย เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไต้หวัน แต่ประเด็นอยู่ที่ การได้ top 5 ของประเทศเหล่านี้ มาจากความเครียดจากการเรียนที่มากกว่ากันมาก ไม่เหมือนการเรียนเเบบ ฟิน ฟิน ของฟินเเลนด์
อีกประเด็นหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ การปฏิรูปการศึกษาสามารถทำให้สำเร็จได้ ฟินเเลนด์เป็นตัวอย่างของประเทศที่ถีบตัวเองขึ้นมาจากประเทศด้อยพัฒนาของยุโรป มาเป็นประเทศพัฒนา เเละยังสามารถปฏิรูปการศึกษาของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม เเซงหน้าประเทศต่างๆที่มีความยิ่งใหญ่มากกว่า สิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นให้เราได้เรียนรู้คือ เขาใช้พลังทางการเมือง การบริหาร และทรัพยากรอย่างไรจึงทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นได้
CR:
1. https://www.oecd.org/pisa/pisa-2015-results-in-focus.pdf
2. https://en.wikipedia.org/wiki/Education_in_Finland
3. http://www.smithsonianmag.com/innovation/why-are-finlands-schools-successful-49859555/
4. https://www.youtube.com/watch?v=ntdYxqRce_s
5. https://www.youtube.com/watch?v=E_W2oS6HvTo
6. http://examswatch.com/wp-content/uploads/2016/11/finland-education-system.jpg
7. https://www.theflagshop.co.uk/media/catalog/product/cache/1/thumbnail/465x/17f82f742ffe127f42dca9de82fb58b1/f/i/finland-flag-std.jpg
8. http://i2.cdn.turner.com/cnn/dam/assets/140922162533-01-sahlberg-finland-education-story-top.jpg
9. http://img.yle.fi/uutiset/osasto/news/article7454228.ece/ALTERNATES/w960/4_9%20ONLINE%20NEWS%20KOULUTUSJARJESTELMAT.png
10. https://a6m4rf6fdx-flywheel.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/2016/02/Finland2.jpg
11. http://blogs.worldbank.org/education/files/education/finland-blog-pisa-4.jpg
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น