The Knick: หนังที่ Surgeon ต้องดู ..... ไม่ใช่ Surgeon ก็ต้องดู


Production ของซีรีย์เรื่องนี้ทำได้ดีมาก 



คนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์การเเพทย์ ต้องชอบอย่างมาก หนังทำให้เราเห็นพัฒนาการของการเเพทย์ในช่วงปีค.ศ. 1900 ที่นิวยอร์ก โดยมีสถานที่หลักคือ The Knickerbocker Hospital (The Knick)  


รพ.The Knick เป็นหนึ่งในรพ.ที่มีชื่อเสียงมากใน Mahattan ในยุคนั้น โดยเน้นให้บริการผู้ยากไร้เเละผู้อพยพ The Knick ได้รับการปรับปรุงมาจาก รพ.ทหารผ่านศึก เเต่หลังจากตกอยู่ในความดูเเลขององค์กรการกุศล ก็ได้มีพัฒนาการเรื่องตึกเเละการรักษาขึ้นมาอย่างมาก จนเป็นผู้นำในการรักษา โปลิโอ โรคทางสูตินรีเวช เเละ โรค alcoholism 

ตัวละครหลัก คือ Dr. John Thackery ก็ดัดเเปลงมาจาก ชีวิตของ surgeon ใหญ่ชาวอเมริกัน ในยุคนั้นคือ Dr. William Stewart Halsted ซึ่งเราทุกคนรู้จักท่านจาก Halsted clamp หรือ mosquito clamp นั่นเอง ท่านยังเป็นผู้นำการผ่าตัด radical mastectomy คนเเรกๆอีกด้วย


เเม้ธีมหลักของหนังจะเน้นเรื่องการเหยียดผิวของหมอผิวดำท่านหนึ่ง เเต่หมอไทยอย่างเราจะได้เห็นการ approach คนไข้ ของหมอๆยุคนั้น ได้เห็นการสะสมองค์ความรู้ของเค้า  การค้นคว้าวิธีการใหม่ๆที่จะช่วยคนไข้ ทั้งที่เป็นยุคสมัยที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เเละ journal กระดาษมีค่ายิ่งกว่าทอง 

เเน่นอนหนังทำให้เราได้เห็นการทำงานเป็นทีม
ของเหล่าหมอๆ  ปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมอกับพยาบาล ซึ่งหลายคนอาจจะบอกว่า ..... ศัลยเเพทย์นี่ 120 ปีไม่เคยเปลี่ยน

สิ่งที่น่าประทับใจ เเละสามารถนำไปสอน resident fellow นักศึกษาเเพทย์ได้คือ  ตัวอย่างการไม่ย่อท้อต่อข้อจำกัดทางเทคโนโลยีต่างๆ ในการที่จะพยายามช่วยคนไข้ 

เหล่าเเพทย์ พยาบาลเเละผู้เกี่ยวข้องในรพ.The Knick ทุกคนพยายามที่จะพัฒนาการดูเเลคนไข้ ทั้งการรักษาเเละการพัฒนาระบบสาธารณสุขของเมืองนิวยอร์ค อาจารย์ที่สอนเรื่อง professionalism ที่ใช้ Cine-Med เป็นเครื่องมือ สามารถนำเอาบางส่วนบางตอนของหนัง ไปเป็น discussion point ได้สบาย

สรุปคือ เราเหล่าอาจารย์เเพทย์ทราบกันดีอยู่เเล้วว่า กว่าวงการเเพทย์เเละสาธารณสุขของเราจะเจริญก้าวหน้ามาได้ขนาดนี้ ได้มีปรมาจารย์อาวุโสของเราหลายท่าน ที่เป็นพระเอกนางเอก เป็นผู้นำทางพวกเราฝ่าฝันอุปสรรค ข้อจำกัดทางธรรมชาตินานัปการ เพื่อเราจะได้ดูเเลคนไข้ของเราได้ดีขึ้น เจ็บน้อยลง ตายน้อยลง เเละป้องกันประชาชนไม่ให้เป็นโรคภัยต่างๆ

เเต่คำถามสำคัญคือ เราจะถ่ายทอด fighter spirit เเบบนี้ จากรุ่นสู่รุ่น ให้น้องๆนักศึกษาเเพทย์ ซึ่งจะเป็นหมอรักษาเราในอนาคตได้อย่างไร การใช้ Cine-Med ดีๆเเบบนี้ ก็เป็นเทคนิคที่ดีมากทางหนึ่ง ในการใส่ทัศนคติที่มีค่าเหล่านี้ให้คนรุ่นต่อไป


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม