WHY SDL FAILS? (1)
ในวงการเเพทยศาสตรศึกษา มีคำอยู่ 2 คำ ที่ทำให้อาจารย์เเพทย์อย่างพวกเราสับสนกันเป็นประจำ
หนึ่งคือคำว่า PBL (Problem-based learning) อีกคำคือคำว่า SDL (Self-directed learning)
ดังนั้นจึงสามารถเข้าใจได้ หากอาจารย์เเพทย์ท่านหนึ่งไปเห็นวิธีการเรียนการสอนเเบบ PBL ของสถาบันเเห่งหนึ่ง เเล้วอาจจะงงว่า ทำไมไม่เหมือนกับของที่สถาบันตนเอง
ส่วนคำว่า SDL นี้ไม่เหมือนกัน SDL มีคำเเปลที่ตรงตัว เเละเข้าใจได้ไม่สับสน โดยคำว่า self-directed learning (SDL) คือ "การเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยผู้เรียนเป็นผู้กำหนดเป้าหมายการเรียนด้วยตนเอง"
ปัญหาว่าทำไม SDL ถึง fails มี 2 ส่วน
1. อาจารย์ไม่เข้าใจวิธีการทำ SDL เเละไม่ได้เตรียมตัวเเละฝึกนักเรียนให้ทำ SDL เป็น
2. เราไปเหมากันเอาเองว่า การเรียนรู้ด้วยตนเองทุกชนิดคือ SDL อันที่จริงเเล้ว SDL ไม่ได้เท่ากับ self learning เเละ self learning ก็มีด้วยกันถึง 4 เเบบ ซึ่งอาจารย์จะต้องเข้าใจเเละเลือกใช้ เทคนิก self learning ให้เหมาะสมกับนักเรียนของตน
อันที่จริง SDL โดยเนื้อเเท้มีความจำเป็นในหลักสูตรการเรียนรู้ในปัจจุบันอย่างมาก เพราะ SDL เป็นโอกาสที่ผู้เรียนจะได้ฝึกการตั้งคำถามถึงเรื่องที่ตนเองอยากรู้ ฝึกการค้นคว้า การสรุป การตีความ การพัฒนา working knowledge การนำเสนอ เเละทำให้เกิดความมั่นใจว่า ตนเองสามารถเอาตัวรอดได้ในการทำงานในอนาคต เพราะความรู้ที่พร่ำเรียนหรือท่องจำในโรงเรียนเเพทย์ปัจจุบันนั้น ส่วนหนึ่งจะล้าสมัยภายในเวลา 5 ปี
ดังนั้นสิ่งที่เราชอบพูดกันอย่างโก้หรูว่า "เราไม่อยากเอาปลาให้เธอ เเต่อยากให้เธอเรียนรู้วิธีจับปลาเองมากกว่า" ต้องถูกเอามาปฏิบัติจริงด้วย เเละเผอิญ SDL ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งในการตอบสนองวลีที่โก้หรูข้างต้น ในหลักสูตรจึงต้องจัดกิจกรรม SDL เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการจับปลา (ความรู้) ของนักเรียนเอง เพราะเอาเข้าจริงๆ บริบทการเรียนในปัจจุบัน ก็ยังเป็นเหมือนการโยนปลาเข้าปากนักเรียนอยู่ดี การวัดผลก็ยังคงหมุนวนอยู่กับการประเมินว่านักเรียนสามารถงับปลาได้เป็นปริมาณเท่าใด
อีกประการหนึ่ง กระบวนการ SDL เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับ concept การเรียนเเบบ Discovery learning ด้วย อันที่จริงการเรียนเเบบนี้ มี PBL เป็นหัวหอกในการจัดการเรียนการสอนที่เป็นรูปธรรม โดย Discovery learning ยืนอยู่บนทฤษฎีการเรียนรู้เเบบ Constructivism ซึ่งนักการศึกษาในปัจจุบันใช้ในการวางหลักสูตร เเละจัดการเรียนการสอนทั่วโลก
หลักการของ Constructivism คือ เราไม่สามารถ "ถ่ายทอด" ความรู้จากคนคนหนึ่งให้คนอีกคนหนึ่งได้ มนุษย์เราจะต้องเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเท่านั้น หน้าที่ของครูจึงเป็นได้มากที่สุดคือ facilitator ในกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน Constructivism มองว่า กระบวนการเรียนรู้คือ การนำเอาองค์ความรู้ใหม่มาต่อยอดบนพื้นฐานขององค์ความรู้เดิมของเเต่ละคน (scaffolding) มนุษย์จะสังเคราะห์ วิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติ จนสามารถทำให้ความรู้ใหม่เเละความรู้เก่า สอดประสานกันอย่างกลมกลืน จากนั้นเเต่ละคนจะเเสดงความรู้เเละทักษะนั้นๆออกมาให้เห็นว่า มีทักษะในการทำกิจกรรมใหม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นว่าเเต่ละคนจะต้องถอดเเบบออกมาเหมือนกันหมด เเต่มีความเเตกต่างกันได้ ตามการพัฒนาของเเต่ละคน
ในทฤษฎี constructivism จะเน้นอยู่เสมอว่า การที่เราสอนนักเรียนไปหนึ่งครั้ง นักเรียนเเต่ละคนจะสร้างความรู้ของตัวเองขึ้นมาได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับภูมิหลัง ทักษะการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ของเเต่ละคน เเนวคิดเช่นนี้ ทำให้เกิดเทคนิกการสอนที่เรียกว่า 3 Schema Technique ซึ่งจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป เพราะสามารถเอาไปไว้ใช้สอนได้ดีในเกือบทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ที่ bedside ใน OR LR ER เเละ OPD เป็นต้น
ดังนั้นถ้าตอบเร็วๆ ตรงนี้ว่า ทำไม SDL fails ก็คงต้องตอบว่า ไม่ใช่ เพราะ SDL ไม่ดี เเต่ทั้งอาจารย์เเละนักเรียนไม่เข้าใจกระบวนการใช้ SDL ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 4 ของ การทำ self learning โดยตอนหน้าเราจะมาดูรายละเอียดกันว่า วิธีการทำ self learning 4 วิธีนั้น มีอะไรบ้าง เเละเเต่ละวิธีจะมีการจัดกิจกรรมอย่างไร เหมาะสมกับนักเรียนกลุ่มใด เเละที่สำคัญ จะมาหาคำตอบกันว่า ก่อนที่นักเรียนจะทำ SDL ได้ดีนั้น ควรจะต้องผ่านกระบวนการทำ self learning วิธีใดมาก่อนบ้าง
CR: 1. http://www.educatorstechnology.com/2013/03/the-basics-of-self-directed-learning.html
2. http://cdn2.hubspot.net/hubfs/128824/Imported_Blog_Media/Power-of-Self-Directed-Learning-1.png
3. https://trans4mind.com/self-directed-learning/self-directed-learning.jpg
4. https://sisaljournal.files.wordpress.com/2014/06/noguchi-fig3.jpg
5. https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/19/74/41/197441b4cf802feb8ae23322a89051a3.jpg
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น