WHY SDL FAILS? (3)
สรุปจากครั้งก่อน ได้ทราบเเล้วว่า Self learning ที่ใช้กันเป็นประจำมี 4 เเบบ คือ
1. Dependent directed self learning (DDSL)
2. Dependent self directed learning (DSDL)
3. Independent directed self learning (IDSL)
4. Independent self directed learning (ISDL)
หลังจากที่ได้รู้จัก self learning 2 เเบบเเรกเเล้ว อีก 2 เเบบที่เหลือก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะเข้าใจ
3. Independent directed self learning (IDSL)
หมายถึง การเรียนรู้ด้วยตนเอง เเบบที่มีการกำหนดประเด็นหรือ theme การเรียนรู้จากครูผู้สอนมาเเล้ว เพียงเเต่ นักเรียนสามารถเรียนเเละค้นคว้าได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ ในเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม เร็วช้าได้ตามต้องการ เเละไม่ต้องกลับไปพบกับครูผู้สอนอีกเลย
ตัวอย่างของ IDSL ที่เห็นได้บ่อยเเละเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเช่น Khan Academy การสอนผ่าน YouTube Channel ต่างๆ ถ้าจะโบราณหน่อยก็ เช่น CAI (computer assisted instruction) รวมไปถึง module e-learning หรือเเม้กระทั่ง clip VDO สอนเเสดงต่างๆ ที่ได้พบได้เห็นมาในช่วงชีวิตการเป็นนักศึกษาเเพทย์
learning package ต่างๆเหล่านี้ ถูกวาง shot เเละ plot ไว้หมดเเล้วโดยอาจารย์ผู้จัดทำสื่อ นักเรียนจะถูก lead ให้ เรียนรู้ตาม objective ของสื่อเหล่านี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน อันที่จริงสื่อเหล่านี้ มีประโยชน์มากในทางเเพทยศาสตรศึกษา เพียงเเต่ไม่ได้ถูกนำเข้ามาเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนในหลักสูตรอย่างเป็นทางการ ส่วนมากในสถาบันต่างๆมีไว้เป็น "ของเเถม" จากการเรียนในห้องเรียนเท่านั้น
ในโลกยุคเทคโนโลยีสารสนเทศเช่นปัจจุบัน กอปรกับการมุ่งเป้าเป็น Thailand 4.0 ของรัฐบาล นับวันนักการศึกษาจะต้องให้ความสำคัญ กับ IDSL มากขึ้นเรื่อยๆ เเละหากทำได้ดี ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญ สำหรับผู้เรียนในการต่อยอดความรู้ความสามารถจากการทำ ISDL ในอนาคต
4. Independent self directed learning (ISDL)
หมายถึงการเรียนรู้ด้วยตนเอง ที่ผู้เรียนเป็นอิสระจากครูผู้สอนมากที่สุด นั่นคือ นักเรียนเป็นผู้กำหนดเองว่า ตนเองอยากรู้เรื่องใด ประเด็นใด จากนั้นนักเรียนก็ไปค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเอง จากเเหล่งการเรียนรู้ที่ต้องการ เเละไม่ต้องกลับมานำเสนอ หรือยืนยันความรู้ที่ได้มากับอาจารย์อีก
การที่นักเรียนจะเรียนรู้ด้วยตนเองเเบบ ISDL ได้ดีนั้น จำเป็นจะต้องมีทักษะในการประเมินตนเอง (self assessment) ที่ดีด้วย เนื่องจากจะต้องรู้ว่า ตนเองไม่รู้อะไร เเละเมื่อได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาเเล้ว ต้องสามารถทราบว่าตนเองได้รู้เเล้ว
ISDL เป็นการเรียนรู้ในฝันของอาจารย์หลายคนที่อยากให้ลูกศิษย์ของตนเองทำ เเต่การไม่เข้าใจ ISDL ที่ดีพอจึงทำให้ หลายครั้งอาจารย์ก็ "สั่งยาผิดขนาด" ให้ลูกศิษย์ คือสั่งให้นักเรียนที่ยังไม่มีทักษะเเละเจตคติที่ถูกต้องกับ self learning ไปทำกิจกรรม self learning เเบบ ISDL เลย โดยไม่ได้ใช้วิธีอื่นมาก่อน ผลลัพธ์ก็คือ "sleep deep and long" เช่นในปัจจุบัน
อันทีจริงกิจกรรม ISDL นี้ใกล้ตัวเรา มากกว่าที่เราคิด เพราะคือกิจกรรมการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (continuous professional development) ของอาจารย์เเพทย์อย่างเรานั้นเอง เรากำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้ของเราได้เอง จากประเด็นปัญหาคนไข้ที่เราดูเเล เรารู้ว่าเราไม่รู้อะไร เเละความรู้ส่วนไหนที่เราต้องการ เรารู้ว่าเอกสารอ้างอิงใดน่าเชื่อถือ หรือตำราเล่มใดจะเป็นเล่มเเรกที่เราเข้าไปเปิดอ่าน เเละที่สำคัญ เรารู้ว่าเรารู้เเล้วหรือไม่ จากการนำองค์ความรู้นั้นมา apply ใช้กับคนไข้ของเรา
การเรียนเเบบ ISDL จึงเหมาะกับนักเรียนที่มี maturity ระดับหนึ่ง คือ ได้ผ่านวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองเเบบต่างๆมาเเล้วข้างต้น หากเราสามรถจัดหลักสูตรได้ดี เเละกำหนดให้นักเรียนตั้งเเต่ชั้นพรีคลินิก ได้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง 3 เเบบข้างต้นมาก่อน ก็ไม่เป็นการยากที่เราจะได้ extern ที่เก่งกาจในการทำ ISDL ในอนาคต
สรุป
ในปัจจุบันเนื่องจากความไม่เข้าใจของทั้งนักเรียนเเละอาจารย์ เเละการมองว่าเทคนิกทางเเพทยศาสตรศึกษาเป็นเรื่อง "ซับซ้อน" จึงทำให้นักเรียนเสียโอกาสในการฝึกการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นเหตุให้ได้ยินเสียงบ่นอยู่เนืองๆว่า เเม้กระทั่ง resident หรือ fellow เองก็ยังทำ ISDL กันไม่เป็น ไม่รู้จักตั้งคำถาม ไม่รู้จักการค้นคว้าจากเเหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เเละไม่ยอมไปอ่านอะไรเพิ่มเติมหากไม่ใช่อาจารย์บอกให้อ่าน หรือรู้ว่าจะเป็นข้อสอบ
การฝึกให้นักเรียนเเพทย์ได้ทำกิจกรรม self learning ทั้ง 4 เเบบจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ในทุกหลักสูตรเขียนไว้คล้ายๆกันว่า ต้องการให้ผลผลิตบัณฑิตของตนเป็น life long learner ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกนักเรียนเเพทย์ตั้งเเต่ชั้นปีต้นๆให้เข้าใจ เเละมีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง เเบบ DDSL ก่อน จากนั้นจึงค่อยๆปรับให้รู้จักการตั้งคำถาม การค้นคว้าเพิ่มเติม การประเมินเอกสารอ้างอิงที่น่าเชืื่อถือ เเละสุดท้าย นักเรียนก็จะสามารถทำการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ หรือ ISDL ได้ อย่างเเน่นอน
1. Dependent directed self learning (DDSL)
2. Dependent self directed learning (DSDL)
3. Independent directed self learning (IDSL)
4. Independent self directed learning (ISDL)
3. Independent directed self learning (IDSL)
หมายถึง การเรียนรู้ด้วยตนเอง เเบบที่มีการกำหนดประเด็นหรือ theme การเรียนรู้จากครูผู้สอนมาเเล้ว เพียงเเต่ นักเรียนสามารถเรียนเเละค้นคว้าได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ ในเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม เร็วช้าได้ตามต้องการ เเละไม่ต้องกลับไปพบกับครูผู้สอนอีกเลย
ตัวอย่างของ IDSL ที่เห็นได้บ่อยเเละเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเช่น Khan Academy การสอนผ่าน YouTube Channel ต่างๆ ถ้าจะโบราณหน่อยก็ เช่น CAI (computer assisted instruction) รวมไปถึง module e-learning หรือเเม้กระทั่ง clip VDO สอนเเสดงต่างๆ ที่ได้พบได้เห็นมาในช่วงชีวิตการเป็นนักศึกษาเเพทย์
learning package ต่างๆเหล่านี้ ถูกวาง shot เเละ plot ไว้หมดเเล้วโดยอาจารย์ผู้จัดทำสื่อ นักเรียนจะถูก lead ให้ เรียนรู้ตาม objective ของสื่อเหล่านี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน อันที่จริงสื่อเหล่านี้ มีประโยชน์มากในทางเเพทยศาสตรศึกษา เพียงเเต่ไม่ได้ถูกนำเข้ามาเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนในหลักสูตรอย่างเป็นทางการ ส่วนมากในสถาบันต่างๆมีไว้เป็น "ของเเถม" จากการเรียนในห้องเรียนเท่านั้น
4. Independent self directed learning (ISDL)
หมายถึงการเรียนรู้ด้วยตนเอง ที่ผู้เรียนเป็นอิสระจากครูผู้สอนมากที่สุด นั่นคือ นักเรียนเป็นผู้กำหนดเองว่า ตนเองอยากรู้เรื่องใด ประเด็นใด จากนั้นนักเรียนก็ไปค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเอง จากเเหล่งการเรียนรู้ที่ต้องการ เเละไม่ต้องกลับมานำเสนอ หรือยืนยันความรู้ที่ได้มากับอาจารย์อีก
การที่นักเรียนจะเรียนรู้ด้วยตนเองเเบบ ISDL ได้ดีนั้น จำเป็นจะต้องมีทักษะในการประเมินตนเอง (self assessment) ที่ดีด้วย เนื่องจากจะต้องรู้ว่า ตนเองไม่รู้อะไร เเละเมื่อได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาเเล้ว ต้องสามารถทราบว่าตนเองได้รู้เเล้ว
อันทีจริงกิจกรรม ISDL นี้ใกล้ตัวเรา มากกว่าที่เราคิด เพราะคือกิจกรรมการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (continuous professional development) ของอาจารย์เเพทย์อย่างเรานั้นเอง เรากำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้ของเราได้เอง จากประเด็นปัญหาคนไข้ที่เราดูเเล เรารู้ว่าเราไม่รู้อะไร เเละความรู้ส่วนไหนที่เราต้องการ เรารู้ว่าเอกสารอ้างอิงใดน่าเชื่อถือ หรือตำราเล่มใดจะเป็นเล่มเเรกที่เราเข้าไปเปิดอ่าน เเละที่สำคัญ เรารู้ว่าเรารู้เเล้วหรือไม่ จากการนำองค์ความรู้นั้นมา apply ใช้กับคนไข้ของเรา
การเรียนเเบบ ISDL จึงเหมาะกับนักเรียนที่มี maturity ระดับหนึ่ง คือ ได้ผ่านวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองเเบบต่างๆมาเเล้วข้างต้น หากเราสามรถจัดหลักสูตรได้ดี เเละกำหนดให้นักเรียนตั้งเเต่ชั้นพรีคลินิก ได้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง 3 เเบบข้างต้นมาก่อน ก็ไม่เป็นการยากที่เราจะได้ extern ที่เก่งกาจในการทำ ISDL ในอนาคต
ในปัจจุบันเนื่องจากความไม่เข้าใจของทั้งนักเรียนเเละอาจารย์ เเละการมองว่าเทคนิกทางเเพทยศาสตรศึกษาเป็นเรื่อง "ซับซ้อน" จึงทำให้นักเรียนเสียโอกาสในการฝึกการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นเหตุให้ได้ยินเสียงบ่นอยู่เนืองๆว่า เเม้กระทั่ง resident หรือ fellow เองก็ยังทำ ISDL กันไม่เป็น ไม่รู้จักตั้งคำถาม ไม่รู้จักการค้นคว้าจากเเหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เเละไม่ยอมไปอ่านอะไรเพิ่มเติมหากไม่ใช่อาจารย์บอกให้อ่าน หรือรู้ว่าจะเป็นข้อสอบ
การฝึกให้นักเรียนเเพทย์ได้ทำกิจกรรม self learning ทั้ง 4 เเบบจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ในทุกหลักสูตรเขียนไว้คล้ายๆกันว่า ต้องการให้ผลผลิตบัณฑิตของตนเป็น life long learner ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกนักเรียนเเพทย์ตั้งเเต่ชั้นปีต้นๆให้เข้าใจ เเละมีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง เเบบ DDSL ก่อน จากนั้นจึงค่อยๆปรับให้รู้จักการตั้งคำถาม การค้นคว้าเพิ่มเติม การประเมินเอกสารอ้างอิงที่น่าเชืื่อถือ เเละสุดท้าย นักเรียนก็จะสามารถทำการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ หรือ ISDL ได้ อย่างเเน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น